หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องการรักษาดุลยภาพในร่างกาย



ใบความรู้ที่ 1
เรื่อง โครงสร้างที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนแก๊สของโพรทิสต์และสัตว์บางชนิด ********************************************************* ครูศักดิ์อนันต์   อนันตสุข
การดำรงชีวิตมนุษย์และสัตว์ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในของสิ่งมีชีวิตเอง มนุษย์และสัตว์ชั้นสูงมีการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอกให้ได้ โดยการเปลี่ยนแปลงสภาพภายในของสัตว์นั้น ๆ เอง เช่น กบใช้ผิวหนังและปอดหายใจในช่วงกบโตเต็มวัย แต่ในช่วงที่กบยังเป็นตัวอ่อนหรือที่เรียกว่า ลูกอ๊อด ( tadpole larva ) กบหายใจทางเหงือก หรือแม้แต่การปรับตัวของกบเป็นตัวอย่างการรักษาดุลยภาพในร่างกาย สัตว์ชั้นสูงรวมทั้งมนุษย์มีกระบวนการรักษาดุลยภาพของร่างกายเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมมากกว่าสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ดังนั้นในสัตว์ชั้นสูงรวมทั้งมนุษย์จึงมีระบบต่าง ๆ เพื่อทำหน้าที่นี้ ในขณะที่สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวภายในเซลล์ทำหน้าที่ได้ทุกระบบ
การรักษาดุลยภาพของร่างกายที่สำคัญคือเรื่องของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ตั้งแต่การลำเลียงไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายรวมทั้งการกำจัดทิ้ง ซึ่งจะได้อธิบายต่อไป

1. ระบบหายใจกับการรักษาดุลยภาพของร่างกาย
สิ่งมีชีวิตต้องใช้พลังงานในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อการดำรงชีวิต พลังงานส่วนใหญ่ได้มาจากการสลายโมเลกุลของสารอาหาร ด้วยการทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน กระบวนการสลายอาหารเพื่อให้ได้พลังงานเช่นนี้เรียกว่า การหายใจ ( Respiration ) มีสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มีอวัยวะที่ใช้ในการหายใจหรือแลกเปลี่ยนแก๊สแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับร่างกายของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ ว่ามีความซับซ้อนอย่างไร
     1.1 โครงสร้างที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนแก๊สของโพรทิสต์และสัตว์บางชนิด
สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ในสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กและมีเซลล์เพียงเซลล์เดียว ในพวกโพรทิสต์ เช่น โพรโทซัว ตัวอย่างคือ อะมีบา การแลกเปลี่ยนแก๊สใช้วิธีการแพร่เข้า ออกผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ เมื่ออะมีบาต้องการออกซิเจนนั้น ปริมาณออกซิเจนในเซลล์มีความหนาแน่นน้อยกว่าความหนาแน่นของออกซิเจนที่อยู่นอกเซลล์ ออกซิเจนจึงแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เข้ามา ในขณะนั้นความหนาแน่นของคาร์บอนไดออกไซด์ภายในเซลล์มีมากกว่าภายนอกจึงมีการแพร่ออก แต่การแพร่เข้าออกนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากเยื่อหุ้มเซลล์ปราศจากความชื้นหรือมีความบางไม่พอ





รูปที่ 1 แสดงการแลกเปลี่ยนแก๊สของพารามีเซียม
สัตว์หลายเซลล์
เมื่อสิ่งมีชีวิตมีจำนวนเซลล์มากขึ้นพร้อมกับมีขนาดใหญ่ขึ้น การแลกเปลี่ยนแก๊สต้องมีโครงสร้างซับซ้อนมากขึ้น ในฟองน้ำ การแลกเปลี่ยนแก๊สเกิดกับเซลล์แต่ละเซลล์ที่น้ำผ่านเข้าไปถึงทางช่องน้ำเข้า



รูปที่ 2  แสดงทางน้ำเข้าและทางน้ำออกของฟองน้ำ
                                             ก. ลักษณะภายนอกของฟองน้ำ
                                             ข. แสดงทางน้ำไหลภายใน
ในส่วนของ ซีเลนเตอเรต เช่น ไฮดรายังคงใช้ช่องแกสโตรวาสคูลาร์เป็นทางผ่านของน้ำ เป็นตัวนำออกซิเจนและรับคาร์บอนไดออกไซด์จากเซลล์ออกมา ดังรูปที่ 3






รูปที่ 3 แสดงการแลกเปลี่ยนแก๊สของไฮดรา , พลานาเรียและไส้เดือนดิน
การใช้ผิวหนังหรือผิวลำตัว
หนอนตัวแบน ใช้พลานาเรียเป็นตัวอย่าง พลานาเรียยังใช้การแลกเปลี่ยนแก๊สผ่านผิวหนังเช่นเดียวกับอะมีบา ผนังลำตัวของพลานาเรียบางและเปียกชื้นอยู่เสมอ โครงสร้างของร่างกายพลานาเรียมีลำตัวแบน จึงมีพื้นที่ผิวมากทำให้มีประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนแก๊สได้ดี
หากเปรียบเทียบกับ ไส้เดือนดิน ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนแก๊สกับสิ่งแวดล้อมทางผิวหนัง ซึ่งเปียกชั้นเช่นเดียวกับพลานาเรียแล้ว จะเห็นได้ว่าพื้นที่ผิวของไส้เดือนดินน้อยกว่าพลานาเรีย หากเปรียบเทียบในปริมาตรเท่า ๆ กัน เพราะพลานาเรียตัวแบนกว่า นอกจากนั้นแล้วในสภาพความเป็นจริงไส้เดือนดินมีขนาดใหญ่กว่าพลานาเรีย









รูปที่ 4 แสดงการแลกเปลี่ยนแก๊สของแม่เพรียง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น